ขึ้นชื่อว่าพ่อแม่ ไม่ว่าใครก็คงมีความปรารถนาดีต่อลูก อย ากให้ลูกมีชีวิตที่ดีและชีวิตที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม
ครอบครัวแต่ละครอบครัวอาจมีวิธีการแสดงความรักความปรารถนาดีที่แตกต่างกันออกไป บางครอบครัวก็เลือกที่จะสนับสนุนให้ลูกทำอะไรที่ชอบ
ทำในสิ่งที่รัก แต่สิ่งที่เราจะพบเห็นได้ในครอบครัวไทยหลาย ๆ ครอบครัวก็คือพ่อแม่มักจะอย ากให้ลูกได้ทำอาชีพที่พ่อแม่คิดว่ามั่นคง
เช่น บางครอบครัวก็จะอย ากให้ลูกเป็นข้าราชการ เพราะสวัสดิการดี เ จ็ บป่ ว ยก็สามารถเบิกค่ารั ก ษ าพย าบาลได้ แถมยังมีเบี้ยบำนาญ
ส่วนครอบครัวแพทย์ก็อาจจะอย ากให้ลูกเป็นห ม อ เพราะเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เงินเดือนสูง ซึ่งนำไปสู่การบังคับลูกให้เรียนในสิ่งที่คุณคิดว่าดี
และให้ลูกเลือกในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง
โดยคิดว่าสักวันหนึ่งลูกจะรู้ได้เองและขอบคุณเราที่บังคับเขาในตอนนี้ความคิดเช่นนี้เป็นความคิดที่ผิด
และเป็นความปรารถนาดีที่อาจส่งผลเสียกับลูกของคุณในระยะยาวเด็กสมัยนี้ไม่ได้ต้องการ “การชี้นำ” แต่ต้องการ“คำแนะนำ”
คนยุคก่อนไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือเทคโนโลยีที่จะนำพามาซึ่งความรู้และประสบการณ์ที่นอกเหนือจากในห้องเรียน คำชี้นำ
คำสั่งสอนจากผู้ใหญ่ที่ “อาบน้ำร้อนมาก่อน”จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่ทำงานในด้านต่าง ๆ เช่น
คนที่มีพ่อเป็นห ม อก็จะเรียนรู้เรื่องวิชาชีพห ม อจากพ่อ แต่ในยุคนี้ที่มีสื่อมากมายที่เปิดโลกทัศน์ให้กับเด็ก ๆ
พวกเขาสามารถค้นหาความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ ได้ในอินเทอร์เน็ต การแนะแนว และงาน Open House
ตลาดวิชาการที่มหาวิทย าลัยต่าง ๆ พากันจัดเพื่อให้ความรู้
โลกสมัยนี้เปิดกว้างให้พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลมากกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ การเป็นพ่อแม่ที่ดีในยุคนี้จึงไม่ใช่การพย ายามชี้นำ
หรือชักจูงลูกไปในทิศทางที่เราเห็นว่าถูกว่าควร แต่ควรจะถาม
ความคิดเห็นของเขาอย่างเปิดใจรับฟังและให้ “คำแนะนำ” ที่เหมาะสม เพื่อให้พวกเขาได้คิดและตัดสินใจเองโดยประกอบกับข้อมูล
อันมากมายที่มีไว้ในมือ อาชีพที่ดูมั่นคงในตอนนี้อาจไม่ใช่คำตอบของอนาคต
เมื่อยี่สิบปีก่อนคงไม่มีใครคาดคิดว่าฟิล์มถ่ายภาพจะไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป เทปคาสเซ็ตจะขายไม่ได้ หรือซีดีจะหยุดผลิตไป
แต่ในความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยีแห่งอนาคตเข้ามาใกล้เราทุกวัน อาชีพบางอาชีพที่มีอยู่ในขณะนี้กำลังจะถูกแทนที่
โดยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และอาชีพบางอาชีพที่ไม่เคยมีในอดีตกลับกลายเป็นอาชีพที่ได้รับค่าตอบแทนสูงในปัจจุบัน
อาชีพประเภทที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เช่น วิศวกรซอฟท์แวร์ โปรแกรมเมอร์ กลับกลายเป็นที่ต้องการตัวอย่างมากและมีค่าตอบแทนสูงลิบลิ่ว
เมื่อเทียบกับสมัยก่อน
นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ งบประมาณ เรื่องของการเมือง ก็อาจทำให้ค่าตอบแทนและโครงสร้างสวัสดิการของอาชีพ
ที่ดูมั่นคงในตอนนี้อย่างอาชีพข้าราชการเปลี่ยนแปลงไปได้ เงื่อนไขการรับบำเหน็จ บำนาญ หรือเงื่อนไขการรับค่ารั ก ษ าพย าบาล
ก็จะเปลี่ยนไปตามกลไกของอนาคต ยกตัวอย่างเช่น อาชีพข้าราชการครู เมื่อเผชิญกับปัญหา
สังคมผู้สูงอายุ เมื่ออัตราเด็กเกิดน้อย ทำให้มีจำนวนนักเรียนน้อยลงจนโรงเรียนหลาย ๆ โรงเรียนก็ต้องปิดตัวไป
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่จะการันตีได้ว่าอาชีพที่ดูมั่นคงในตอนนี้นั้นจะเป็นอาชีพที่มั่นคงอยู่ในอนาคตเมื่อถึงรุ่นลูกของเรา
คนที่มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เลือกเองมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าเด็กบางคนเมื่อชีวิตไม่มีทางเลือก หรือถูกพ่อแม่บังคับ
ให้เลือกเส้นทางที่ไม่ได้อยากเลือกก็จะเกิดความกดดัน ไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ แน่นอนว่าการทำอาชีพหรือการทำมาหากินนั้น
ไม่จำเป็นต้องขายฝัน ในยุคที่ใคร ๆ ก็ออกไปตามล่าหาความฝันก็ยังคงมีคนที่หาเช้ากินค่ำ แต่คนหาเช้ากินค่ำในแบบที่เลือกเอง
กับคนหาเช้ากินค่ำในแบบที่ไม่ได้เลือกย่อมมีความ
กดดันต่างกัน เด็กบางคนไม่ได้อยากเป็นห ม อแต่ชอบขายของ วันหนึ่งเขาก็อาจจะได้เป็นเถ้าแก่น้อย แต่ถ้าหากเขาชอบขายของ
แล้วผู้ใหญ่ไปบังคับให้เขาเป็นห ม อ เขาก็จะเป็นห ม อที่ไม่มีความสุขหรืออาจไม่มีวันได้เป็นห ม อเลยเพราะทนเรียนไม่ไหว
สุดท้ายแล้ว เราเพียงต้องยอมรับว่าคนทุกคนมีความสามารถและความสนใจพื้นฐานที่แตกต่างกันไป บางคนอาจ
จะโชคดีที่ลูกสนใจและเลือกอาชีพที่เห็นว่าเหมาะสม แต่ไม่ว่าลูกของคุณจะมีความสามารถหรือความสนใจด้านอะไร
คุณก็ควรสนับสนุนและให้โอกาสลูกได้เลือก อบรม แนะแนว
พวกเขาไปในทางที่ดี และปล่อยให้เขาได้เติบโตไปในทางที่เขาถนัดให้สุดทาง ให้เขาเลือกเอง ต้นไม้ที่งดงาม แข็งแรง
และยิ่งใหญ่นั้นล้วนถูกปล่อยให้เติบโตตามธรรมชาติของมันเอง
ขอบคุณ :t o d a y.l i n e.m e