เชื่อว่าคงมีหลายคนเคยได้ยินคนพูดกันว่า หากมีลูกเเก่ตัวมาจะได้มีคนเลี้ยงเเละ อีกคำพูดหนึ่งคือ ถ้าหากไม่มีลูก
เเก่มา..ใครจะเลี้ยง ซึ่งความคิดแบบนี้ถูกส่งต่อสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกันเลยทีเดียวหลายๆ
คนก็ยังคิดแบบนี้กันอยู่เ สี ยด้วยแต่ว่าก็ยังมีคนเเก่ที่ปรับตัวอยู่กับครอบครัวไม่ได้ แล้วคุณล่ะ…
คิดกับเรื่องนี้อย่ างไร ? เ อ าล่ะไม่ต้องตอบเราแต่คุณลองมาดูและให้คำตอบตัวเอง
ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยสอนใจได้ไม่น้อยเลย เรื่องมีอยู่ว่า…มีคุณแม่คนหนึ่งที่สามีของเธอเ สี ยไปนานแล้ว
เธอทำงานคนเดียวโดยสอนหนังสือหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเลี้ยงลูกชายจนเติบโตมา และ เ ด็ ก ชายก็เป็นคนว่าง่าย
เชื่อฟังแม่ตั้งแต่ เ ด็ ก ๆ เลย พอลูกโตก็ส่งไปเรียนต่ออ เ ม ริ ก า หลังจากเรียนจบ
เขาก็อยู่ทำงานที่นั่นต่อ ซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก 1 คน สร้างครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข
แล้วแม่เขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับลูกและลูกสะใภ้และหลาน ที่ อ เ ม ริ ก า ในช่วงวัยหลังเกษียณ ชีวิตบั้นปลาย
ก็มีความสุขดี ซึ่ง 3 เดือนก่อนที่จะเกษียณนั้นก็รีบเขียนจดหม า ยบอกกับลูกชาย ซึ่งบอกถึงความปรารถนากับลูกชายว่า…
มีลูกเ อ าไว้เลี้ยงย ามเเก่คิดถึงสายตาของญาติพี่น้อง เพื่อน ๆเพียงแค่คิดถึงภาพเห ล่ านั้นว่าทุกคนจะอิจฉาเธอ
เธอก็มีความสุขจากนั้นส่งไปก็รอจดหมายตอบกลับจากลูกชายซึ่งเธอก็จัดการเรื่องบ้าน งานต่าง ๆ เรียบร้อย
และในคืนสุดท้ายก่อนที่เธอเกษียณนั้นจดหมายจากลูกชาย ณ แดนไกลก็มาถึง พอเปิด ออกมาดูก็เห็นเป็น
เช็คมู ล ค่ า 3 หมื่นเหรียญด อ ล ล่ า ห์เธอก็แปลกใจมาก ๆ เพราะลูกชายไม่เคยส่งเงิน ให้เธอเลย
แล้วจากนั้นก็ได้เปิด อ่ านจดหมายที่มีใจความว่า…แม่ครับ เราได้คุยกันแล้วและได้ข้อสรุปว่า.
พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยที่อ เ ม ริ ก า ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุ ญคุณที่เลี้ยงดูผม
คำนวณตามราคาตลาดก็ประมาณ 20,000 กว่าเหรียญผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อยแล้วส่งเช็คให้ 30,000 เหรียญ
มาให้แม่นะครับหวังว่าต่อไปนี้แม่ จะไม่เขียนจดหมายหาผมอีกหลังจากอ่ านจดหมายจบก็น้ำตาไหลเลย
รู้สึกเหมือนต้องเป็นม่ายตลอดชีวิตและเธอก็ตัดสินใจศึกษาพระพุ ท ธ ศ า ส น า
หลังจากนั้นเธอก็คิดได้ว่าเธอใช้เงิน 3 หมื่นเหรียญไปเที่ยวรอบโลกจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ แล้วจากนั้น
เธอก็เขียนจดหมาย 1 ฉบับหาลูกชายใจความในจดหมายเขียนว่า…ลูกรัก ลูกไม่อย ากให้แม่เขียนจดหมายมาอีก
ก็ให้คิดเถอะ ว่าจดหมายฉบับนี้เป็นข้อความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วนะ
แม่ได้รับเช็คแล้วและใช้เงินนั้นเดินทางเที่ยวรอบโลก ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวอยู่นั้น
อยู่ ๆแม่ก็รู้สึกว่าแม่ควรขอบใจลูก “ขอบใจ” ที่ทำให้แม่ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่ าง
แม่ได้ปล่อยวาง ทำให้แม่ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน คนรักไม่มีรากหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้ตลอด
ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึดติด ยังทุ ก ข์ แม่คงจากไป แล้วจากการปฏิเสธของลูก ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเรา
ถ้ามีว า ส น าก็ได้เจอ หมดว า ส น าก็ต้องจากการทุกอย่ างไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบ มองทุกอย่ างในเชิงบวก
แม่ไม่มีลูกแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ฉะนั้นแม่…ถึงสาม า ร ถ อยู่ได้โดยไม่มีมัน
พ่อแม่ที่น่าสงส าร คนเป็นพ่อแม่อย ากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก แต่สุดท้ายแล้ว
สิ่งที่ได้รับกลับมามันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดมีคนกล่ า วเ อ าไว้ว่า.. บ้านของพ่อแม่คือบ้านของลูกตลอดเวลา บ้านของลูก
ไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่หรอกการให้กำเนิดลูกเป็นงานที่ต้องทำ การเลี้ยงดูเป็นภาระหน้าที่
การพึ่งพาลูกเป็นความเข้าใจ ผิ ดช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่แต่จะไม่ฟังก็ไม่ได้
แม้ว่า..ไม่ใช่ลูกทุกคนจะเป็นเหมือนลูกชายในเรื่องนี้ ที่ไม่มีหัวใจ แต่คนเป็นพ่อแม่
ไม่ควรคิดว่าเเก่แล้วจะต้องพึ่งพา ลู ก ๆหากจะพูดกันตามตรง เเก่แล้วก็ต้องดูแลตัวเอง
เมื่อลูกกตัญญูต่อคุณแสดงว่า..คุณมีบุ ญมากหากลูกไ ม่กตัญญูพอพ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้
วิธีที่ดีที่สุดคือการวางแผนชีวิตตนเองพึ่งพาตนเองให้ได้ จากมุมมองของสังคม
การมีลูกจะได้มีเลี้ยงตนตอนเเก่…เป็นความปรารถนาของใจ แต่ในปัจจุบันนี้อะไร
หลายอย่ างมันเปลี่ยนไป และยุคนี้ไม่เหมาะที่จะคิดว่า…มีลูกเ อ าไว้เลี้ยงตอนเเก่อีกด้วย
หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยเตือนสติใครหลาย ๆ คนการไปวางความคาดหวังไว้กับลูกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเลย
ขนาดคุณยังชอบที่จะเลือกทางเดินให้กับตัวเอง แล้วลูกคุณเขาจะไม่อย ากทำบ้างหรือ ?
หากคาดหวังมีลูกเ อ าไว้เลี้ยงตอนเเก่นั้นมัน ผิ ด และเห็นเเก่ตัวตั้งแต่คิดแล้ว เขาควรจะมีชีวิตที่เขาเลือกเอง
ในขณะเดียวกันคุณก็เลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบของตัวเองได้เหมือนกัน
ขอบคุณ : s a b u y j a i j u n g