1.รู้จัก ก ร ะ ตุ้ น สร้างแรงบันดาลใจต่อลูกน้อง
การทำงานย่อมต้อง มีการประเมิน ติดตามผลของการทำงานซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ทว่า ผู้นำหลายๆ คน
กลับไม่กล้าให้ F e e d b a c k ต่อลูกน้องเพราะกลัวลูกน้องจะไม่รักไม่ชอบ โดยเฉพาะหากผลงานของลูกน้องท่านนั้น
ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น ผู้นำต้องเปลี่ยนความคิดก่อน
โดยมองเรื่องของงานเป็นหลักใครทำดีชื่นชม สร้างความท้าทายในงานที่ทำ ส่วนใครทำงานผิดพลาดบ่อย ๆ
ก็ต้องเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัวและให้คำชี้แนะ สอนงานในสิ่งที่ยังผิดพลาด โดยมีความเชื่อว่า คนทุกคนถึงแม้จะเรียนรู้ไม่เท่ากัน
แต่ย่อมพัฒนาได้ถ้าเปิดใจ ซึ่งผู้นำต้องใช้หลัก จิตวิทยา ก ร ะ ตุ้ น เน้นย้ำ สร้างแรงบันดาลใจอยู่บ่อย ๆ ย่อมทำให้ลูกน้องที่ยังผิดพลาด
รู้จักปรับเปลี่ยนตนเองจนทำให้การทำงานดีขึ้นแน่นอนครับ
2.มีภาวะผู้นำใช้ใจก่อนอำนาจที่มี
คิดง่าย ๆ ครับ เราอยากได้สิ่งใดก็ควรให้สิ่งนั้น ก่อนผู้อื่นเสมอ คนที่เป็นผู้นำที่ดีต้องรู้จักใช้อำนาจในทางที่ดีมากกว่า
ใช้อำนาจในทางที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเสียหาย เสียหน้า เสียใจ เสียความรู้สึก จากสิ่งที่ผู้นำกระทำ ทว่า หากใช้ใจนำ
เป็นกันเองต่อคนรอบข้างแต่ก็พร้อมจริงจังกับการทำงาน เมื่อถึงเวลาทำงานใครทำดีก็ชื่นชม ใครทำผิดก็ไม่นิ่งเฉยปล่อยวาง
แต่รู้จักใช้คำพูดในเชิงบวกเปิดใจรับฟังข้อคิดเห็นของลูกน้องนั่นล่ะครับ ผู้นำที่มีภาวะผู้นำ
3.รู้จักใช้คนให้เหมาะสมกับงานที่ทำ
การเลือกใช้ลูกน้อง ให้เหมาะ กับงานที่ทำถือว่าเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ทำให้ลูกน้องมีความสุขกับงานที่ต้องทำในแต่ละวัน
ซึ่งความสุขผมเชื่อ ว่ามีความสำคัญมาก ๆ ครับ เพราะหากมีความสุขในสิ่งที่ทำ ผลลัพธ์ย่อมดีตามแน่นอน ทว่า หากไร้ซึ่งความสุข
ผลลัพธ์ย่อมออกมาตรงกันข้ามครับ
4.ผิดรู้จักยอมรับและขอโทษเป็น
การทำงานในแต่ละวัน ย่อมมีโอกาส ตัดสินใจผิดพลาดและหากความผิดพลาดนั้นเกิดจากผู้นำ ควรกล้ายอมรับและขอโทษ
คงไม่ใช่เรื่องแปลกครับดีกว่าฝืนดันทุรัง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด
การขอโทษเป็นสิ่งที่อย่างน้อย ทำให้ลูกน้องเห็นว่า ถึงแม้จะเป็นผู้นำก็รู้จักพูดขอโทษเป็น และใช้บทเรียน แห่งความผิดพลาด
นั้นเป็นเครื่องเตือนสติในการลงมือทำในครั้งต่อไปครับ
5.รู้จักสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกัน
ความสุขเกิดขึ้นได้ ถ้ามี บรรยากาศที่ดีในห้องทำงาน ซึ่งผู้นำควรหมั่นสร้างวัฒนธรรมในแผนกให้เกิดความปรองดอง
รักใคร่กลมเกลียวไม่มีการแบ่งพรรค แบ่งพวก ในที่ทำงาน โดยผู้นำก็ต้องรู้จักสื่อส ารกับทุก ๆ คนอย่างท่าเทียง ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
โดยอาจสร้างกิจกรรมภายใน เพื่อสร้างสรรค์บรรยากาศให้สนุกในการทำงานปราศจากอารมณ์เชิงลบในที่ทำงาน
ย่อมทำให้เกิดสุขภ าพจิตที่ดี เบิกบานอยากมาทำงานในทุก ๆ วันหรือหากวันไหนงานติดพันไม่เสร็จ
ก็สามารถอยู่ช่วยเหลือกันได้อย่างเสร็จสมบูรณ์
6.มอบหมายงานด้วยคำพูดที่สุภาพ
การมอบหมายงาน นั้นมี 2 แบบ คือ ผ่านทางคำพูด และผ่านทางลายลักษณ์อักษร ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ ควรทำไปด้วยกันโดยเฉพาะคำพูด
ที่ผู้นำต้องรู้จักมีสติในการมอบหมายงานใช้คำพูดในเชิงที่สร้างสรรค์ มีคำอธิบายที่ชัดเจนและรู้จักยิ้มแย้ม แจ่มใส ถึงแม้สิ่งที่เจอจะมีแต่ปัญหา
ให้ขบคิด แต่เมื่อมีสติทางสว่างย่อมรออยู่ข้างหน้าครับ
7.รู้จักให้เกียรติไปร่วมงานส่วนตัวของลูกน้องบ้าง
การเป็นผู้นำ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินในการเลี้ยงดูลูกน้อง ในแต่ละวัน แต่ก็ควรมีน้ำใจต่อลูกน้องหากเป็นงานส่วนตัวที่ลูกน้องเรียนเชิญ
ให้เกียรติไปร่วมงานเช่น การบวช งานแต่ง งาน ศ พ เป็นต้น ซึ่งในฐานะผู้นำก็ควรให้ความสำคัญ เพื่อแสดงความมีน้ำใจต่อลูกน้อง
เพราะการให้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเมื่อให้ก่อน ย่อมมีโอกาสได้รับสิ่งดี ๆ อยู่เสมอครับ
ควรต้องบอกผ่านคำพูด ด้วยน้ำเสียงที่ดี เป็นกันเองเพื่อเป็นการเน้นย้ำเตือนสติกันบ้างเพราะคนส่วนใหญ่ต้องมีการ ก ร ะ ตุ้ น
ในช่วงแรกจนเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนั้นหน้าที่การ ก ร ะ ตุ้ น ก็คงไม่พ้นผู้นำ ที่ต้องแสดงให้ดูในทุก ๆ วันครับการเป็นผู้นำทีมีภาวะผู้นำ
ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากเราเปิดใจ ใช้ใจก่อนอำนาจรับฟังเสียงของทุก ๆ คน
และพร้อมเป็นตัวอย่างที่ดีในทุก ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เพื่อเปลี่ยนแปลงแนวคิดให้เป็นบวกในการพัฒนาตนเอง
พัฒนาการทำงานและสร้างวิสัยทัศน์ของการเป็นผู้นำ แบบนี้ย่อมได้ใจลูกน้องให้เชื่อชอบและทำตามแน่นอนครับ
ขอบคุณ : d r f i s h